รองเท้าวิ่งยี่ห้อไหนดี 2018
รองเท้าวิ่งยี่ห้อไหนดี 2018 รองเท้าวิ่งยี่ห้อไหนดี เป็นคำถามสำหรับนักวิ่ง(มือใหม่)ที่กำลังมองหา รองเท้าวิ่งนับเป็นอุปกรณ์การวิ่งคู่ใจนักวิ่งทุกคน เพื่อนๆหลายคนประสบปัญหาในการเลือกรองเท้าวิ่งให้เหมาะกับเท้าของตัวเอง โดยเฉพาะนักวิ่งหน้าใหม่ บางคนตอนลองที่ร้านรู้สึกดี แต่พอใส่วิ่งกับรู้สึกว่าไม่ใช่ บางคนก็เลือกตามเพื่อน ตามดารา ตามพรีเซนเตอร์ พอมาวิ่งจริงกลับพบว่ามันคับเกินไป หรือหลวดเกินไป เพื่อนๆหลายๆคนโชคดีมีรองเท้าวิ่งคู่กายแล้ว แต่พอใส่ไปเรื่อยๆเริ่มเก่า รุ่นที่ตัวเองใส่อยู่ไม่ได้ผลิตต่อ บางทีมีเทคโนโลยีใหม่ๆออกมา อยากลอง อยากเปลี่ยนยี่ห้อบ้าง แต่ก็ไม่มั่นใจว่าจะเหมาะกับตัวไหม ลองมาดู Check Point สำคัญที่ต้องดูเวลาเลือกรองเท้าวิ่ง และข้อผิดพลาดที่ควรระวังกันครับ
1. ส้นเท้า (Heel)
เมื่อเพื่อนๆใส่รองเท้าวิ่ง ส้นเท้าของเพื่อนๆควรจะพอดีกระชับกับส้นรองเท้านะครับ เน้นว่าพอดีกระชับไม่ใช่คับเกินไปนะครับ ถ้าเพื่อนๆลองร้อยเชือกแบบหลวมๆไม่ได้ผูกเชือก เพื่อนๆควรจะสามารถถอดรองเท้าออกได้ครับ เวลาวิ่งอย่าลืมร้อยเชือกให้ถึงรูบนสุดเพื่อป้องกันไม่ให้รองเท้าเลื่อนไหลนะครับ ควรเลี่ยงรองเท้าที่ใส่แล้วรู้สึกเจ็บนะครับ เพราะถ้าขนาดรองที่ร้านแล้วยังเจ็บ เวลาวิ่งความเจ็บจะทวีคูณนะคร้าบบ
2. หลังเท้า (Instep)
รองเท้าวิ่งที่เหมาะกับเราควรจะกระชับ และห่อหุ้มบริเวณหลังเท้าของเราได้ดีครับ อย่าให้รู้สึกว่าหลังเท้าโดนบีบมากเกินไปนะครับ เพื่อนๆบางคนอาจรู้สึกว่ามีบริเวณที่รัดแน่นเกินไปเป็นจุดๆ (Hot Spot) ลองเทคนิคการผูกเชือกรองเท้าเพื่อแก้ไขปัญหารองเท้ารัดได้ตามนี้เลยครับ
3. ความกว้าง (Width)
รูปเท้าของเพื่อนๆแต่ละคนมีลักษณะแตกต่างกันครับ รองเท้าที่เหมาะกับเราควรมีความกว้างที่เหมาะสมครับ เพื่อนๆควรจะสามารถขยับส่วนเท้าด้านหน้าได้บ้าง โดยเท้าไม่ควรแตะขอบของพื้นรองเท้า (Insole) ครับ ถ้าเพื่อนๆรู้สึกว่านิ้วเท้าของเราไปเกยขอบพื้นรองเท้า แปลว่ารองเท้าที่เพื่อนๆลองอยู่แคบไปสำหรับเท้าเราแล้วครับ
4. ความยาว (Length)
สาเหตุสำคัญที่ต้องมีที่ให้เท้าขยับขยายได้ทั้งความกว้างและความยาวเนื่องจากเท้าเราจะบวมขึ้นเวลาเราวิ่งครับ ดังนั้นอย่าลืมเผื่อที่ว่างระหว่างนิ้วเท้าที่ยาวที่สุดกับบริเวณปลายรองเท้าครับ ตอนลองรองเท้าเพื่อนๆลองผูกเชือกรองเท้าให้เรียบร้อยแล้วยืนขึ้น นิ้วเท้าเพื่อนๆควรจะสามารถแกว่งขึ้น-ลงได้สบายๆครับ
5. ความโค้งงอตามรูปเท้า (Flex)
รองเท้าจะโค้งขณะวิ่งแล้วเกิดจุดหักครับ ซึ่งเราจะเห็นจุดหักนี้ได้โดยการถือบริเวณส้นรองเท้าแล้วกดปลายรองเท้ากับพื้นครับ เราเรียกจุดนี้ว่า Flex Point ครับ เพื่อนๆควรลองดูว่า Flex Point ของรองเท้าวิ่งที่เราลองนั้นใกล้เคียงกับของเท้าเราไหม และรองเท้างอไปตามรูปเท้าเราหรือเปล่านะครับ
6. ความรู้สึก (Feel)
ข้อนี้เป็นข้อง่ายๆที่เพื่อนๆหลายๆคนลืมขณะลองรองเท้าวิ่งครับ เพราะเรามักจะใส่ลองขณะเรานั่ง บางคนอาจจะลองยืนดู แอดแนะนำว่าอย่าหยุดแค่นั้นครับ 55 ลองวิ่งเบาๆไปรอบๆดูครับ สัมผัสความรู้สึกขณะวิ่งว่าเข้ากันได้ไหม เพราะอย่าลืมว่าเราซื้อรองเท้าวิ่ง ไม่ใช่รองเท้านั่งหรือรองเท้ายืนครับ 555 🙂
7 เทคนิคการเลือกรองเท้าวิ่งที่ถูกต้องสำหรับผู้ชายที่กำลังมองหารองเท้าวิ่งที่เหมาะกับเท้าของตัวเอง สวมใส่สบาย วิ่งนาน ๆ แล้วไม่เจ็บไม่เมื่อย
เท่าที่สังเกตดูในปัจจุบันนักวิ่งหน้าใหม่บางคนมักใส่รองเท้าผ้าใบธรรมดาหรือรองเท้าสำหรับใส่ออกกำลังทั่ว ๆ ไป วิ่งออกกำลังอยู่เป็นจำนวนมาก ซึ่งในความเป็นจริง การใส่รองเท้าที่ไม่เหมาะกับการวิ่งอาจทำให้เท้าเจ็บหรือทำให้วิ่งได้ไม่เต็มที่ เพราะรองเท้าเหล่านั้นไม่ได้ถูกออกแบบมาให้รองรับแรงกระแทก สวมใส่ได้นานโดยไม่เมื่อย รวมไปถึงน้ำหนักที่มากเกินไปนั่นเอง ดังนั้นการเลือกรองเท้าวิ่งจึงเป็นเรื่องที่ควรใส่ใจเป็นพิเศษ ซึ่งกระปุกดอทคอมได้นำวิธีเลือกรองเท้าที่ถูกต้องมาฝากนักวิ่งมือใหม่และนักวิ่งขาประจำที่คิดอยากเปลี่ยนรองเท้ามาฝากกันด้วยครับ
1. เช็กรูปเท้าของตัวเอง
เริ่มจากเช็กรูปเท้าของตัวเองก่อนว่าเป็นแบบไหน เพราะแต่ละคนรูปเท้าจะต่างกัน คุณอาจใส่รองเท้าแบบเดียวกับคนอื่นไม่ได้ โดยวิธีการสังเกตง่าย ๆ ตามภาพตัวอย่างด้านบน ดังนี้
– หากคุณเป็นคนฝ่าเท้าสูง มีการวางเท้าแบบปกติและข้อเท้าตั้งตรง ให้เลือกรองเท้าวิ่งแบบ Neutral ก็จะช่วยให้วิ่งได้สบายยิ่งขึ้น
– ส่วนคนที่มีฝ่าเท้าปกติ โดยมีการวางเท้าและข้อเท้าอยู่ในลักษณะเดียวกันกับข้อข้างต้น แนะนำให้เลือกรองเท้าวิ่งแบบ Stability ซึ่งรองรับแรงกระแทกได้ดี
– สำหรับคนที่ฝ่าเท้าสูงบวกกับมีข้อเท้าโก่งออกด้านข้าง ส่งผลให้ลงน้ำหนักไปที่ฝ่าเท้าด้านนอกมากกว่าด้านในอย่างเห็นได้ชัด ควรเลือกรองเท้าวิ่งประเภท Cushioned ที่มาพร้อมตัวซัพพอร์ตเท้าซึ่งช่วยลดแรงกระแทกและทำให้การวางเท้าอยู่ในลักษณะปกติ
– ขณะที่คนเท้าแบนจะมีลักษณะของข้อเท้าเอียงเข้าด้านใน ทำให้ฝ่าเท้าด้านนอกยกสูงกว่าด้านใน ให้เลือกรองเท้าวิ่งแบบ Motion Controlled เพราะเป็นรองเท้าที่ดีไซน์มาเพื่อคนเท้าแบนโดยเฉพาะ ซึ่งจะช่วยควบคุมการเคลื่อนไหวของเท้าให้ง่ายขึ้น
ทั้งนี้ทั้งนั้น ถ้าไม่แน่ใจว่ารูปเท้าของตัวเองเป็นแบบไหนละก็ คุณสามารถเช็กแบบออนไลน์ได้เช่นกัน โดยทำผ่านเว็บไซต์ runnersworld และ roadrunnersports ซึ่งเว็บไซต์ดังกล่าวจะแนะนำรองเท้าวิ่งที่เหมาะกับคุณแบบคร่าว ๆ ให้ด้วย
2. พิจารณาตามรูปแบบการวิ่ง
รูปแบบการวิ่งของคนแบ่งออกเป็น 6 ลักษณะของการวางเท้า ได้แก่
2.1 Normal – คือการวางเท้าทั่วไปของคนส่วนใหญ่ที่ทิ้งน้ำหนักลงที่ส้นเท้าและตรงกลางของปลายเท้า จึงเลือกใส่ได้ทั้งรองเท้าวิ่งแบบ Neutral และ Stability
2.2 Supination – สำหรับการวางเท้าในลักษณะนี้ จะเน้นน้ำหนักไปที่ส้นและปลายเท้าด้านนอก เนื่องจากมีฝ่าเท้าสูง ดังนั้นควรเลือกรองเท้าวิ่งแบบที่มีแผ่นซัพพอร์ตเท้าด้านในหรือที่เรียกว่า Cushioned
2.3 Mild Overpronation – ส่วนการวางเท้าแบบนี้ น้ำหนักจะลงไปที่ส้นเท้าด้านนอกกับปลายเท้าฝั่งนิ้วโป้งจนถึงตรงกลาง โชคดีที่สามารถใส่รองเท้าวิ่งได้ทั้งแบบ Neutral และ Stability
2.4 Moderate Overpronation – คนที่มีฝ่าเท้าแบนมักจะมีลักษณะของการวางเท้าแบบเน้นลงน้ำหนักที่ปลายเท้าด้านในและส้นเท้าด้านนอก แนะนำให้เลือกรองเท้าแบบ Motion Controlled
2.5 Severe Overpronation – เป็นลักษณะการวางเท้าของคนเท้าแบนเช่นเดียวกัน แต่น้ำหนักจะเน้นไปที่ปลายเท้าและส้นเท้าด้านใน หากใส่รองเท้าที่ไม่เหมาะสม ก็อาจได้รับบาดเจ็บได้ ซึ่งรองเท้าที่เหมาะกับคุณก็คือรองเท้าวิ่งแบบ Motion Controlled
3. ซื้อรองเท้าที่ร้านขายรองเท้าวิ่งโดยเฉพาะ
ใครที่กำลังมองหารองเท้าวิ่งดี ๆ สักคู่อยู่ละก็ แนะนำว่าให้เลือกไปร้านที่ขายรองเท้าประเภทนี้โดยเฉพาะ เนื่องจากมีพนักงานขายที่มีความรู้เกี่ยวกับรองเท้าวิ่งที่สามารถแนะนำรองเท้าที่เหมาะสมกับคุณได้นั่นเอง แต่หากแถวบ้านไม่มีร้านขายรองเท้าวิ่งโดยเฉพาะ ก็สามารถเข้าร้านขายอุปกรณ์กีฬาแทนได้เช่นกัน
4. เวลาที่เหมาะสมกับการเลือกซื้อรองเท้าวิ่ง
เนื่องจากในช่วงระหว่างวัน เป็นช่วงที่เราเดินไปไหนมาไหนอยู่ตลอด จึงทำให้เท้าขยายตัวอย่างเต็มที่ ส่งผลให้ช่วงเย็นหรือหัวค่ำเป็นเวลาที่เหมาะกับการซื้อรองเท้าวิ่งที่สุด เพราะคุณจะได้รองเท้าที่พอดีกับเท้าคุณจริง ๆ ไม่ใช่พอใส่วิ่งแล้วบีบเท้าจนวิ่งไม่ได้
5. ไม่แนะนำให้ซื้อรองเท้าคู่ที่พอดีเกินไป
บางคนอาจคิดว่าการเลือกซื้อรองเท้าไซส์ที่พอดีกับรูปเท้าของตัวเองแบบเป๊ะ ๆ จะช่วยให้วิ่งได้ดี ทว่าการเสียดสีของผิวหนังกับรองเท้า อาจทำให้เกิดอาการเจ็บแสบผิวหนังบริเวณเท้าได้ ดังนั้น แนะนำให้เลือกรองเท้าที่มีส่วนปลายยาวกว่านิ้วโป้งประมาณครึ่งนิ้ว ก็จะช่วยลดปัญหาดังกล่าวได้ดี
6. ทดสอบความยืดหยุ่นของรองเท้าวิ่ง
รองเท้าวิ่งที่ดีควรมีความยืดหยุ่นที่ไม่มากไม่น้อยจนเกินไป ซึ่งคุณสามารถทดสอบได้ง่าย ๆ เพียงออกแรงดึงปลายรองเท้าด้านหน้าเข้ามาด้านในเบา ๆ หากรองเท้างอตามภาพด้านซ้าย แสดงว่าเป็นรองเท้าวิ่งที่เหมาะสม แต่ถ้างอมาก ๆ แบบภาพด้านขวาให้เลี่ยงไว้จะดีกว่า เพราะอาจทำให้เท้าบาดเจ็บได้นั่นเอง
7. เลือกตามความรู้สึกของตัวเอง
ไม่ว่าใครจะแนะนำรองเท้าวิ่งให้คุณได้ดีขนาดไหน สุดท้ายแล้ว ควรเลือกคู่ที่ใส่แล้วรู้สึกดีและสบายเท้า แนะนำให้ลองรองเท้าวิ่งหลาย ๆ คู่ เดินหรือวิ่งเบา ๆ ภายในร้าน เพื่อดูว่าสบายเท้าหรือไม่ จนกว่าจะได้คู่ที่ถูกใจ
สำหรับข้อผิดพลาดที่พบเห็นได้บ่อยๆนั้นมีดังนี้
ข้อผิดพลาด#1 เลือกเพราะความสวย (อย่างเดียว)
สำหรับเพื่อนๆที่ซื้อเพราะสวยนั้น จริงๆก็ไม่ได้ผิดเหรอครับ แต่ควรให้ความสวยเป็นองค์ประกอบเพิ่มเติมจากความเหมาะสมครับ เมื่อเพื่อนๆใส่แล้วรู้สึกเหมาะกับเท้าเรา จากนั้นค่อยดูเรื่องความสวยงามก็ไม่ได้ผิดอะไรครับ แถมยังเพิ่มความมั่นใจในการวิ่งอีกด้วยครับ
ข้อผิดพลาด#2 เลือกรองเท้าที่เล็กเกินไป
หลายคนมักจะเลือกรองเท้าที่คับเกิน บางคนเผื่อว่ารองเท้าจะยืดทีหลัง บางคนเลือกรองเท้าตามกีฬาประเภทอื่นที่ตนเคยเล่นครับ สุดท้ายรองเท้าคับเกินจนเจ็บเท้าล่ะครับ คำถามคือจะรู้ได้ไงว่าแบบนี้คับเกินไปหรือเปล่า หลักการง่ายๆคือ “ให้นิ้วเท้าเราเล่นเปียโนได้” ครับ หมายความว่ามีที่พอที่นิ้วเท้าเราสามารถขยับไปมาได้ (ประมาณครึ่งนิ้วจากปลายรองเท้า) แต่ก็ไม่ใช่หลวมเกินไปนะครับ
ข้อผิดพลาด#3 ซื้อรองเท้าผิดเวลา
เพื่อนๆอาจจะยังไม่ทราบว่าในช่วงเวลาหนึ่งวันเท้าเรามีขนาดไม่เท่ากันนะครับ ปกติแล้วในตอนเช้าเช้าเราจะเล็กกว่าตอนเย็นครับ โดยเฉพาะตอนวิ่งเท้าเราก็จะขยายขึ้นไปอีก ดังนั้นถ้าเป็นไปได้พยายามซื้อรองเท้าตอนเย็นนะครับ
ข้อผิดพลาด#4 เดา Size รองเท้าตัวเอง
เพื่อนๆหลายๆคนยึดติดกับขนาดรองเท้าที่ตนเองใส่อยู่ ไม่ว่าใส่ทำงานหรือใส่เล่นกีฬาอย่างอื่น พอถึงคราวซื้อรองเท้าวิ่งก็คิดว่าจะเลือกขนาดเดียวกันได้เลย จริงๆแล้วไม่ใช่ว่า Size มันไม่เท่ากันหรอกครับ แต่ลักษณะทรงของไม่เหมือนกัน แม้แต่รองเท้าวิ่งเหมือนกัน แต่คนละยี่ห้อ คนละรุ่น ก็อาจให้ความรู้สึกไม่เหมือนกันครับ ดังนั้นจึงแนะนำให้ลองรองเท้าที่เรากำลังจะซื้อจะดีที่สุดนะครับ
รองเท้าวิ่งยี่ห้อไหนดี 2018
รองเท้าวิ่ง รุ่นที่ขายดีที่สุดในแต่ละยี่ห้อ บนเว็บไซต์ซื้อขายออนไลน์ ปี 2019
จากข้อมูลเว็บไซต์ขายสินค้าออนไลน์ชั้นนำทั่วไปไทย เช่น Lazada Shopee ฯลฯ ซึ่งมีสินค้ามากมายหลายชนิดให้เลือกซื้อ สินค้ามีคุณภาพ มีการรับประกันสินค้า ส่งเร็ว เก็บเงินปลายทาง ซึ่งรองเท้าสำหรับวิ่ง ก็เป็นสินค้าชนิดหนึ่งที่ขายดี อยู่ในหมวดกีฬาและกิจกรรมกลางแจ้ง โดยเราได้รวบรวมข้อมูล ยอดฮิตขายดี ระดับ 5 ดาว จากการให้คะแนนของผู้ใช้ 5 อันดับดังนี้
- Nike Zoom Pegasus Turbo X
- Adidas Shoe Duramo Lite2
- WARRIX Maximum Running 5.0 WF-1304-RA
- Mizuno Running Spark 4
- Xiaomi Mijia Sports Sneakers 2
#Nike Zoom Pegasus Turbo X
นุ่ม เบา สบาย
Nike Zoom Pegasus Turbo คือ Pegasus ที่คุณรักและคุ้นเคยพร้อมยกระดับความเร็วครั้งใหญ่ ส่วนบนเบาดั่งขนนกให้คุณสัมผัสได้ถึงความไวในรูปลักษณ์ที่ปราดเปรียว พร้อมโฟม Nike ZoomX รุ่นปฏิวัติวงการที่ดีไซน์มาเพื่อนักวิ่งชั้นนำของ Nike ระหว่างที่พยายามพิชิตภารกิจ Breaking 2 ซึ่งช่วยทำความเร็วระดับทำลายสถิติและตอบสนองได้อย่างดีเยี่ยมเพื่อการซ้อมวิ่งประจำวันของคุณ
เช็คราคา โปรโมชั้น ผลิตภัณฑ์นี้ได้ที่ : | Lazada >> | Shopee >> |
#Adidas รองเท้าวิ่งRN Shoe Duramo Lite2
แบรนด์ดัง สินค้าดี มีมาตรฐาน
Adidas รองเท้าวิ่งRN Shoe Duramo Lite2
- สินค้าลิขสิทธิ์แท้จาก Adidas
- ควรเลือกไซส์รองเท้า จากเบอร์ EU
- สินค้าใช้วัสดุคุณภาพดี มีความทนทานสูง
- สามารถใส่ได้ทุกเพศทุกวัย ตั้งแต่อายุ 8 ปีขึ้นไป
- ได้รับการรับรองมาตรฐานการผลิตระดับโลก
เช็คราคา โปรโมชั้น ผลิตภัณฑ์นี้ได้ที่ : | Lazada >> | Shopee >> |
รองเท้าวิ่งยี่ห้อไหนดี
#WARRIX รองเท้าวิ่ง Maximum Running 5.0 WF-1304-RA
ดีไซน์ที่ออกแบบมาอย่างเรียบง่าย และสวยงาม
Maximum Running 5.0 WF-1304-RA สามารถใส่ได้ทุกเพศทุกวัย มาพร้อมกับพื้นรองเท้าสุดนุ่ม น้ำหนักเบา และใส่สบาย ช่วยลดอาการเมื่อยล้าขณะวิ่งได้อย่างดีเยี่ยม นอกจากนี้ยังสามารถนำไปใส่เป็นไลฟ์สไตล์ในชีวิตประจำวันได้อีกด้วย
เช็คราคา โปรโมชั้น ผลิตภัณฑ์นี้ได้ที่ : | Lazada >> | Shopee >> |
รองเท้าวิ่งยี่ห้อไหนดี
# Mizuno Running Spark 4
แบรนด์ Sportware ที่เน้นคุณภาพ และกำลังมาแรง
Mizuno Running Spark 4 Spark ซึ่งตอนนี้นับได้ว่าเป็นรุ่นที่ 4 แล้ว, รองเท้าวิ่งจากค่ายมิตซูโน่ ที่เน้นเรื่องความคุ้มค่า แต่ก็จัดคุณภาพมาให้อย่างเต็มที่ ไฮไลอยู่ที่ระบบผ้า Upper แบบ “AIRmesh” ที่ให้น้ำหนักเบา และคุณสมบัติในการระบบอากาศได้อย่างดีเยี่ยม ทั้งยังทำให้ใส่สบายอีกด้วย, มาพร้อมระบบพื้น Outsole หรือ พื้นที่อยู่ล่างสุดแบบ “X10” อันเป็น “Carbon Rubber” ที่ถูกออกแบบมาให้ทนทานมา รองรับสภาพพื้นที่ยากลำบาก
เช็คราคา โปรโมชั้น ผลิตภัณฑ์นี้ได้ที่ : | Lazada >> | Shopee >> |
#Xiaomi Mijia Sports Sneakers 2
ออกแบบตามโครงสร้างกระดูกปลาแบบใหม่ (New Fishbone Arch Lock System)
Xiaomi Mijia Sports Sneakers 2 ผลิตขึ้นด้วยกระบวนการ Uni-Moulding โดยเป็นการผสานวัสดุต่างๆ ทั้ง 5 ชั้น เป็นชิ้นเดียว ทำให้ง่ายสำหรับการทำความสะอาด และลดความเสี่ยงจากปัญหาชั้นกาวเปิดออก ส่วนแผ่นรองเท้ายังสร้างขึ้นด้วยวัสดุ INFUSE จากบริษัทชั้นนำ Dow Chemical (DuPont) ทำให้พื้นรองเท้ามีความยืดหยุ่นกว่าวัสดุ EVA ที่ใช้กันทั่วไป ส่วนบนของรองเท้าผลิตด้วยกระบวนการการถักแบบยืดหยุ่นสูง 3 มิติ ไร้รอยต่อ และมีความทนทานสูงจนสามารถนำไปซักในเครื่องซักผ้าได้
เช็คราคา โปรโมชั้น ผลิตภัณฑ์นี้ได้ที่ : | Lazada >> | Shopee >> |
รองเท้าวิ่ง ลดราคา ขายดี ราคาถูก
Baoji BJM386 | รองเท้าวิ่งยอดฮิต | Nike Odyssey |
|
|